บัญชีการเงินและบัญชีภาษีอากรความเหมือนที่แตกต่าง(พิมพ์ครั้งที่ 3)
| โดย : | : | บริษัท ธรรมนิติเพรส จำกัด |
| รหัสสินค้า | : | 16802 |
| ISBN | : | 9786163025036 |
| ผู้แต่ง | : | พุทธิมา เกิดศิริ |
| จำนวนหน้า | : | 532 หน้า |
| ราคา | : | ฿500.00 |
| สมาชิกเว็บไซต์ | : | ฿500.00 |
| สมาชิกวารสาร | : | ฿450.00 |
หนังสือบัญชีการเงินและบัญชีอากรความเหมือนที่แตกต่าง พร้อมแนวทางชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่สรรพากร พิมพ์ครั้งที่ 3
ได้แก้ไขเพิ่มเติมปรับปรุงทั้งกฎหมายภาษีและมาตรฐานการบัญชี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายที่เกี่ยวข้อง เช่น หลักเกณฑ์การตัดหนี้สูญใหม่ กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการกรอก Disclosure form ภาษีส่วนเพิ่ม หลักเกณฑ์การเฉลี่ยภาษีซื้อแบบใหม่ตามคำสั่งกรมสรรพากร เป็นต้น โดยได้อัพเดทกฎหมายที่มีการประกาศใช้ถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2568
เนื้อหาอย่างย่อ :
หลักการบัญชีนับว่าเป็นหัวใจสำคัญของการประกอบกิจการ เพราะเป็นหลักเกณฑ์และวิธีการรวมรวมข้อมูลและประมวลผลออกมาเป็นรายงานทางการเงินเพื่อให้ผู้ประกอบกิจการไม่ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ทราบถึงฐานะทางการเงิน ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งบการเงินในการนำข้อมูลที่ได้ไปใช้ตัดสินใจเชิงเศรษฐกิจ เช่น การลดต้นทุน ลดค่าใช้จ่าย หรือการบริหารจัดการกู้เงินหรือออกหุ้นเพื่อเพิ่มทุน จะเห็นได้ว่างบการเงินจะตอบสนองความต้องการผู้ใช้งบการเงินเพื่อการบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดและสะท้อนผลการดำเนินงาน
ส่วนวัตถุประสงค์ของกฎหมายภาษีอากร บัญญัติขึ้นก็เพื่อใช้เป็นแนวทางในการบังคับจัดเก็บภาษีอากร นำมาใช้เป็นรายจ่ายสาธารณะในการพัฒนาประเทศ เป็นเครื่องมือในการรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและในบางกรณีกฎหมายภาษีอาจมีความมุ่งหมายเพื่อการลดช่องว่างทางสังคมหรือกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกด้วย
ความแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงวัตถุประสงค์ของหลักการบัญชีและกฎหมายภาษีอากรนี้ส่งผลให้วิธีการคำนวณกำไรสุทธิทางบัญชีและกำไรสุทธิทางภาษีอากรทั้งสองกรณีนี้มีความแตกต่างกัน
ประกอบการจึงไม่สามารถหยิบยกเอางบการเงินที่ใช้เพื่อการตัดสินใจในกิจการมาใช้ในการคำนวณภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ทันที แต่ต้องทำการปรับปรุงตัวเลขหรือข้อมูลตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขของประมวลรัษฎากร ดังนั้นหากขาดความเข้าใจหรือขาดความรู้เกี่ยวกับกฎหมายภาษีย่อมมักจะมีปัญหาในการคำนวณกำไรสุทธิเพื่อเสียภาษีเงินได้นิติบุคคลอยู่เสมอ ทำให้มีการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้อง และจะต้องเสียเงินเพิ่มหรือเบี้ยปรับตามที่กฎหมายกำหนด กว่าที่ผู้เสียภาษีจะได้ทราบว่าตนปฏิบัติผิดไปจากที่กฎหมายภาษีกำหนด ก็ต่อเมื่อถูกประเมินภาษีโดยเจ้าพนักงานสรรพากรซึ่งส่วนมากมักล่วงเลยเวลาไปหลายปีและเป็นผลให้เกิดความเสียหายจำนวนมากตามมา
สารบัญ
Section 1. หลักเกณฑ์การรับรู้รายได้และรายจ่ายทางบัญชีและภาษีอากร
Section 2 รายได้ที่ให้ถือเป็นรายได้ในทางภาษีอากร
Section 3 รายได้ที่ได้รับยกเว้นเงินได้ทางภาษีอากร
Section 4 รายจ่ายที่ให้ถือเป็นรายจ่ายเพิ่มในทางภาษีอากร
Section 5 รายจ่ายที่ไม่ให้นำมาถือเป็นรายจ่ายทางภาษีอากร
Section 6 ผู้ทำบัญชีไม่ยื่นงบไม่ยื่นภาษีมีทางบรรเทาปัญหานี้อย่างไรบ้าง